ท้อเป็นพืชยืนต้นเมืองหนาว เป็นไม้ผลัดที่มีแหล่งกำเนิดในแถบประเทศจีนแล้วกระขายพันธุ์ไปยังประเทศที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นทั่วโลก แม้ว่าประเทศไทยจะมีภูมิอากาศอบอุ่นแต่เราสามารถปลูกท้อพันธุ์ได้ในพื้นที่สูงทางภาคเหนือของประเทศมาตั้งแต่โบราณ คาดว่าน่าจะมีการนำเข้ามาปลูกโดยชาวจีนบางส่วนที่ย้ายมาพำนักในประเทศไทย แต่พันธุ์เริ่มแรกนั้นเป็นพันธุ์พื้นเมือง ทำให้ผลผลิตที่ไม่มีคุณภาพและไม่สามารถรับประทานได้ จนโครงการหลวงได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ โดยนำกิ่งพันธุ์ท้อผลใหญ่มาเผยแพร่เพื่อให้ชาวเขาปลูกเป็นพืชผลเชิงเศรษฐกิจแทนการปลูกฝิ่น
ท้อที่ปลูกกันในประเทศไทยเรานี้มีอยู่ด้วยกัน 3 พันธุ์คือพันธุ์ เอริแกรนด์ ที่มีผลใหญ่ มีน้ำหนักผลถึง 1-2 ขีด เนื้อผลสีเหลือง ปลายผลสีเหลืองอมแดงเป็นจะงอย ให้ผลผลิตดกดี เก็บเกี่ยวได้ในเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าเป็นพันธุ์ทีนิยมที่สุด รองลงมาคือพันธุ์ฟลอด้าเบลล์ มีขนาดผลเทียบเท่ากับพันธุ์แรก ผลกลมมนกว่าพันธุ์เอริแกรนด์ สีเนื้อผลสีเหลือง แต่ให้ผลยากมาก และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือนพฤษภาคม และพันธุ์สุดท้ายคือพันธุ์ฟลอด้าซัน ที่มีรูปทรงคล้ายพันธุ์เอริแกรนด์แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก
พื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกท้อ จะต้องมีระดับความสูงมากกว่า 1,000 เมตรและมีอากาศหนาวเย็น โดยนิยมปลูกแบบ 4*4 เพื่อจะได้ดูแลได้ง่าย โดยการเตรียมแปลงต่างๆ ไม่แตกต่างจากพืชทั่วไป หลุมขนาด 70*70*70 เซนติเมตร รองด้วยปุ๋ยคอกและหินฟอสเฟสก่อนลงมือปลูกในช่วงต้นฝน ราวๆ พฤษภาคมไม่เกินมิถุนายน สำหรับการเพาะเมล็ดนั้น นิยมทำแบบไม่กะเทาะเปลือกเพราะไม่ต้องใช้แรงงานมากและป้องกันการเสียหายของเมลดได้ดี โดยการนำเมล็ดพันธุ์ไปแช่น้ำแล้วบรรจุในถึงพลาสติกปิดให้มิดชิดแล้วแช่เย็นไว้ 60 วัน เปลือกเมล็ดจะกะเทาะออกเอง เพื่อให้รากงอกผลิออกมาได้ ก่อนที่เราจะนำไปปลูกในถุงดำ จนต้นกล้าแข็งแรงจึงจะนำไปปลูกในแปลง
ศัตรูพืชของท้อที่สำคัญคือ แมลงวันทองจึงต้องมีการห่อเหมือนผลไม้ชนิดอื่นเพื่อให้ผลท้อมีคุณภาพ โรคพืชทีต้องระวัง คือ โรคใบรูที่เกิดจากเชื้อรา โรคราแป้ง โรคใบรูจากแบคทีเรีย และโรคราสนิม ที่เราจำเป็นต้องป้องกันโรคก่อนที่จะเกิดความเสียหายต่อผลผลิตด้วยการฉีดพ่นสารป้องกันและกำจัดเชื้อราและแบคทีเรียเสียแต่เนิ่นๆ และการดูแลที่จะขาดเสียไม่ได้คือ การตัดแต่งกิ่งทุกปี โดยเฉพาะในช่วงที่ท้อทิ้งใบในช่วงเดือนธันวาคม เพื่อดูแลพุ่ม กระตุ้นการแตกกิ่ง และเมื่อท้อแตกใบหนาแน่นในช่วงหน้าฝนให้ทำการตัดกิ่งทอนใบเพื่อให้แสงส่องลงสู่พุ่มได้ แค่นี้ก็ได้ผลท้อสดๆ ออกสู่ตลาดโดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศแล้วครับ