สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

กระชายดำ หนึ่งในโสมไทย ปลูกง่าย

กระชายดำเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในประเทศไทยเรานั้นมีชื่อเรียกหลายชื่อแล้วแต่สถานที่ปลูก เช่นกระชายดำ ว่านกระชายดำ กระชายม่วง ว่านเพชรดำหรือกระชายเลือด  ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน “โสมไทย” โดยพบมากในเขตป่าและภูเขาในประเทศไทยและลาว

เป็นพืชที่มีหัวอยู่ใต้ดินที่เราเรียกกันว่า “เหง้า” เหมือนกระชายเหลือง และกระชายแดงซึ่งแต่เดิมเคยจัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับกระชายเหลืองและกระชายแดง แต่ในปัจจุบันกระชายดำ ด้วยลักษณะพันธุ์พืชที่แตกต่างจากกระชายเหลืองและกระชายแดง คือ มีดอกไม้สีขาวหรือม่วง ช่อดอกสั้น รูปทรงกระบอก มีโคนกลีบเชื่อมกันเป็นหลอดรูปท่อขนาดเล็ก ดอกจะบานจากส่วนล่างของช่อดอก จึงมีการจัดกระชายดำแยกจากสกุลของกระชายเหลืองและกระชายแดง ให้เป็นพืชกลุ่มเดียวกับขิงและไพลแทน

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกระชายดำนั้น จะมีลำต้นเทียมที่เติบโตมาจากหัวใต้ดิน จนพ้นขึ้นมาบนดิน ขนาดลำต้นที่สมบูรณ์เต็มที่จะมีความสูงประมาณ 1 ฟุต แกนของลำต้นแน่นแข็ง มีกาบใบหนาและอวบห่อรอบแกนของลำต้น มีการอุ้มน้ำได้ดีตามลักษณะของพืชล้มลุกทั่วไป ใบของกระชายดำเป็นใบเดี่ยวไม่แตกต่างจากกับกระชายทั่วไป แต่มีขนาดใบที่ใหญ่กว่า และมีสีใบเขียวเข้มกว่า ส่วนสีของใบนั้นจะมีความสัมพันธ์กับสีของเนื้อหัวกระชายที่อยู่ใต้ลำต้นเทียม เช่น หากใบมีสีม่วงเข้ม หัวใต้ดินเมื่อแก่เต็มที่ก็จะมีสีม่วงเข้มเช่นกัน

ทางด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนโบราณนั้น ได้มีการนำกระชายดำมาใช้ในตำรับยาต่างๆ หลายขนาน ทั้งใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยให้รับประทานได้มากขึ้น บำรุงธาตุในร่างกาย แก้อาการแน่น จุก ใจสั่น ลดอาการคลื่นเหียนเวียนศีรษะ รักษาแผลพุพองอักเสบ บรรเทาอาการคันจากโรคผิวหนัง ช่วยรักษาโรคภายในช่องปาก  ลดปริมาณไขมันในเลือด กระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น และยังใช้ในการรักษาโรคในทางเดินอาหารอีกด้วย ขณะที่การแพทย์แผนปัจจุบันก็ได้พบว่าสารสกัดจากกระชายดำนั้นมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ต้านอาการอักเสบและต้านจุลินทรีย์ได้ด้วย

การปลูกกระชายดำนั้นนิยมปลูกโดยใช้เหง้าที่แก่จัด ซึ่งควรมีอายุประมาณ 1 ปีหรืออาจจะอ่อนกว่าเล็กน้อย โดยเลือกจากต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์ นำมาหักออกเป็นข้อตามปล้องของหัว แล้วนำมาฝังในดินในระดับที่ไม่ลึกนัก โดยต้องกลบดินให้มิด ใช้ระยะปลูกประมาณ 20 x 25 เซนติเมตร เมื่อปลูกเสร็จให้โรยแกลบบางๆ กลบอีกครั้ง สถานที่ปลูกควรมีดินที่มีลักษณะดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี เพื่อให้กระชายดำเติบโตได้เต็มที่ และควรเป็นพื้นที่ที่มีแดดรำไร หากเป็นที่แดดจัด ควรปลูกบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่ออาศัยร่มเงาช่วยบังแสง หรือปลูกเป็นพืชแซมสวนผสมครับ

เมื่อปลูกกระชายดำได้ 8-9 เดือน ให้สังเกตว่าใบจะเริ่มเหี่ยวแห้ง ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วครับ โดยส่วนใหญ่จะนิยมเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคม โดยต้องค่อยๆ ขุดหัวกระชายออกมา ระวังอย่าให้โดนหัวเพื่อไม่ไห้เกิดบาดแผลบนหัวกระชายดำ แล้วนำไปทำความสะอาดและตัดรากออก ก่อนที่จะนำไปขายหรือนำไปแปรรูปต่อไปครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook