ปลาชะโด เป็นปลาที่หายาก และเป็นหนึ่งในปลาที่นักตกปลาตามล่ากันอยู่ เพราะปลาชนิดนี้เป็นปลาที่ชอบปลีกวิเวก ชอบความเงียบและสงบ มักจะพบได้ในเขื่อนหรือฝายใหญ่ น้ำต้องใสและลึกเท่านั้นถึงจะเจอ
ในวันนี้ผมมาชวนคุยเรื่อง ปลาชะโด ปลาชนิดนี้มีคำสั่งซื้อจากสิงคโปร์ มาเลเซียมาค่อนข้างเยอะ เพราะคนบ้านเขาชอบทานเนื้อปลาชะโดมากกว่าปลาช่อน เพราะตัวใหญ่ เนื้อเยอะและก้างน้อยกว่าปลาช่อน
ก่อนอื่นผมมาชวนเพื่อนๆ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังประเภทอื่นๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับปลาชะโด เพราะปลาชะโดอาจจะโผล่มากัดกินปลาอื่นๆ ที่เราเลี้ยงในกระชังได้ครับ ปลาชะโดเป็นปลาที่แอบโหด หวงถิ่น หวงไข่ ในฤดูวางไข่ ตรงไหนเป็นถิ่นของเขา สัตว์ใดๆห้ามเข้าใกล้ เพราะเขาอาจจะกัดกินได้ครับ และปลาชะโดเองสามารถขยายพันธุ์ได้เยอะ ครอกละไม่น้อยกว่า 100 ตัว และมีความทนทาน ดังนั้นจึงแพร่พันธุ์ได้เร็วมาก ทำให้ปลาน้ำจืดที่เราเลี้ยงในกระชังน้ำลึกได้รับความเดือดร้อน หรือบางครั้งก็รุกรานมาถึงตามล่าอาหารถึงบริเวณท่าน้ำกันเลย ทำให้พืชและกุ้ง หอย ปู ปลาในน้ำจืดลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นก่อนที่เราจะนำกระชังไปหย่อนไว้ตรงไหน ก็ควรศึกษาก่อนครับว่าเป็นแหล่งปลาชะโดหรือไม่นะครับ
มาถึงเพื่อนๆ เกษตรกรที่อยากจะเลี้ยงปลาชะโดเพื่อส่งออกให้กันบ้างครับ เพื่อไม่ให้กระทบกับระบบนิเวศวิทยาหรือสิ่งแวดล้อม เราต้องเลี้ยงชะโดเดี่ยวๆ ครับ อาจต้องใช้พื้นที่เยอะ ราว 40-50 ไร่ โดยขุดบ่อ 1 บ่อ บนพื้นที่ 10 ไร่ มีความลึก 2.5 เมตร เพื่อเลี้ยงปลา 4,000 ตัวต่อรุ่น ใช้ปลาทะเลบดละเอียดเป็นอาหารวันละ 100 กก. ให้อาหารแบบวันเว้นวัน พอเลี้ยงปลาได้ 8 เดือน ก็เปลี่ยนการให้อาหารเป็นปลาทะเลสับ และเพิ่มปริมาณเป็น 1,000 กก. ครับครบ 1 ปี ก็เพิ่มเป็น 1,500 กก. และ 16 เดือน ก็เพิ่มเป็น 2,500 กก. จนปลาอายุครบ 18 เดือนมีน้ำหนักตัว 3 กก.ขึ้นไป เราก็จับมาขายได้ละครับ
สำหรับเพื่อนๆ เกษตรกรที่อยากส่งออกด้วยตัวเอง ก็สามารถนำปลาที่จับขึ้นมาได้ มาขอดเกล็ด ทำความสะอาดแล้วแล่เนื้อ บรรจุสุญญากาศ ส่งตรงให้ผู้นำเข้าที่ปลายทางเลย โดยส่วนใหญ่เราจะส่งผ่านคาร์โก้เครื่องบิน เพื่อให้สินค้าของเราถึงมือผู้บริโภคแบบสดๆ กันเลย
รสชาติของปลาชะโดที่มีการปรับปรุงพันธุ์และเลี้ยงด้วยปลาทะเลจะมีความโดดเด่น เนื้อปลานุ่มแต่แน่น ไม่มีกลิ่นคาวปลา ไม่เหมือนชะโดที่เลี้ยงตามธรรมชาติในน้ำจืด จนเชฟทั่วโลกให้ดาวเทียบเท่าปลาเก๋า นำไปทำเป็นข้าวต้มเนื้อปลาในภัตตาคารหรู หรือสเต็กปลาชะโดห้าดาว จนคนสิงคโปร์ติดอดติดใจ แต่ด้วยความที่บ้านเขามีที่ดินจำกัด จึงกลายเป็นโอกาสทองของเมืองไทยบ้านเราในการเพาะเลี้ยงเพื่อส่งขายทำกำไรกันเลยครับ