ปลาคังลวกจิ้ม เป็นหนึ่งในเมนูที่เราจะพบเจอได้บ่อยในร้านอาหารหรู ที่มาพร้อมกับราคาที่ไม่ธรรมดา บางที่ก็เรียกว่า ปลากดคัง หรือ ปลาเคิง เป็นปลาที่พบมากในแหล่งน้ำจืด มีความยาวตั้งแต่ 1 ฟุต ไปถึงเกือบ 2 เมตร น้ำหนักตัวเหยียบร้อยโลเลยครับ
โดยลักษณะที่มองผิวเผินอาจคล้ายปลาดุก เพราะเป็นปลาหนัง คือเป็นปลาที่ไม่มีเกล็ดบนลำตัว จุดเด่นที่สามารถแยกปลาดุกออกจากปลาคังได้ดีที่สุดคือหางและครีบของปลาคังจะมีสีแดงและมีหนวดถึง 8 เส้นและยังมีครีบถึง 8 ครีบ ทำให้มีความแหลมคมรอบตัว
ปลาคังถือเป็นปลาตัวใหญ่ ที่ชอบกินปลาตัวเล็กหรือกบเขียดเป็นอาหาร เรียกได้ว่าเป็นปลาที่โหดร้ายเอาการครับ ขนาดปลาคังด้วยกันยังอยู่ร่วมกันไม่ได้ ปลาคังตัวอื่นพลัดหลงเข้าเขตก็จะถูกไล่กัดเลย ด้วยความที่ตัวปลาคังมีสีออกเทาเข้ม จึงทำให้พรางตัวหากินได้ตอนพระอาทิตย์ตก ยิ่งในน้ำมืดเท่าไร ปลาคังก็ยิ่งหาสัตว์น้ำตัวเล็กกินได้ง่ายเท่านั้น เพราะสีผิวกลืนไปกับความมืดนั่นเองครับ
ตลาดนิยมนำปลาคังมาทำอาหารเพราะขนาดตัวที่ใหญ่ มีเนื้อเยอะ และปัจจุบันปลาคังในแหล่งน้ำธรรมชาตินั้นมีน้อย จึงได้เกิดเป็นอาชีพเพาะเลี้ยงปลาคังขึ้นมา โดยการจับปลาคังจากแหล่งน้ำจืดมาขยายพันธุ์ในบ่อ และกระตุ้นการวางไข่ ด้วยการฉีดฮอร์โมนสกัดหรือฮอร์โมนสังเคราะห์เข้าที่กล้ามเนื้อท้องของปลาที่เราจะนำมาเพาะพันธุ์
เราสามารถหาพันธุ์ปลาคังที่น่าเชื่อถือได้ในนครสวรรค์ เพราะตลาดเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพ โดยเริ่มจากการนำลูกปลามาอนุบาลในบ่อที่มีความลึก 2 เมตร บนพื้นที่ 1 ไร่ การเตรียมบ่อดินนั้นต้องมีการฆ่าเชื้อโดยการตากแดดและโรยปูนขาวเพื่อปรับค่าความเค็มความเปรี้ยวของดินก่อนที่จะปล่อยน้ำลงไป แล้วจึงใส่น้ำที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรส หรือที่เราเรียกกันว่า อามิ-อามิ พร้อมทั้งมูลไก่ลงไปทิ้งไว้ 7 วัน แล้วค่อยปล่อยลูกปลาที่แข็งแรงลงไป 10,000 ตัว
ช่วงอนุบาลนี้เป็นช่วงที่เราต้องดูแลเป็นอย่างดี ให้เลี้ยงด้วยสาหร่ายธรรมชาติ และเสริมโปรตีนเข้าไปร้อยละ 40 เพราะอย่างที่เรียนไปตอนต้นนะครับ ปลาคังธรรมชาติชอบกินสัตว์ด้วยกันครับ ต้องให้อาหารวันละ 3 มื้อเหมือนคนเลยครับ ทำจนปลาโตมีน้ำหนักประมาณ 80-100 กรัม หรืออายุประมาณ 120 วัน แล้วค่อยย้ายลงบ่อใหญ่ ที่กินเนื้อที่ราว10 ไร่ น้ำลึก 3 เมตร ให้เราปล่อยปลา 6,000 ตัวลงในบ่อครับ ถ้าบ่อใหญ่กว่านั้นก็เพิ่มปริมาณไปในสัดส่วนที่เท่ากัน เช่น บ่อกว้าง 20 ไร่ ก็ปล่อยปลา 12,000 ตัวครับ
ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 18-30 เดือน เราก็จะได้ปลาในขนาดที่ตลาดต้องการครับ ยิ่งปลาตัวใหญ่ก็ขายได้ราคาดี เพราะเนื้อเยอะก้างน้อย โดยขนาด 2 กิโลกรัมคือขนาดที่เล็กที่สุดที่ตลาดต้องการครับ