การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนเป็นความท้าทายสำคัญที่หลายพื้นที่กำลังเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลุ่มน้ำคลองสวนหมาก ซึ่งมีลักษณะทางกายภาพที่ซับซ้อนและมีความสำคัญทั้งทางนิเวศวิทยาและเศรษฐกิจ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของลุ่มน้ำปิง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,213 ตารางกิโลเมตร โดยมีป่าปกคลุมทางต้นน้ำราวร้อยละ 59 ของพื้นที่ทั้งหมด คลองสวนหมากเป็นลำน้ำหลักยาว 110 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งได้เป็นสองส่วนหลักตามลักษณะภูมิประเทศ
ส่วนแรกคือช่วงต้นและช่วงกลางของลำน้ำ ซึ่งมีความลาดชันสูง ดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย และฝนที่ตกมีความเข้มสูง ลักษณะเช่นนี้ก่อให้เกิดปัญหาการกัดเซาะหน้าดินอย่างรุนแรง และการพัดพาตะกอนลงสู่ลำน้ำและแหล่งน้ำในปริมาณมาก ส่งผลให้แหล่งน้ำเกิดการตื้นเขิน ทำให้ความสามารถในการเก็บกักน้ำลดลง และนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ส่วนที่ 2 คือช่วงท้ายฝายคลองสวนหมากไปจนถึงจุดบรรจบกับแม่น้ำปิง มีความลาดชันน้อย และมีการสะสมของตะกอนหน้าฝายเป็นจำนวนมาก ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำล้นตลิ่งในช่วงฤดูน้ำหลากในหลายพื้นที่
เครดิตภาพ: Ping River banks north of Chiang Mai, Thailand โดย Vyacheslav Argenberg | Wikimedia Commons | CC BY 4.0
เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น โครงการวิจัย “การวิจัยเพื่อพัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อความยั่งยืนกรณีศึกษาลุ่มน้ำคลองสวนหมาก” ได้ถูกริเริ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้ โครงการนี้แบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ โดยในปีแรก ทีมวิจัยได้พัฒนาระบบจัดสรรน้ำและประเมินผลการส่งน้ำตามเวลาจริง หรือ iWASAM ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญในการบริหารจัดการน้ำ ช่วยในการจัดสรรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำล่วงหน้าได้ นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งสถานีตรวจวัดอากาศและสถานีตรวจวัดน้ำอัตโนมัติเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และตัดสินใจส่งน้ำเข้าคลองได้อย่างแม่นยำ
ในปีที่ 2 ทีมวิจัยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำและการใช้น้ำใต้ดิน มีการทดสอบระบบ iWASAM และเพิ่มสถานีตรวจวัดน้ำอัตโนมัติ ทำการทดลองเกี่ยวกับการกัดเซาะหน้าดินในแปลงทดลอง พร้อมทั้งตรวจวัดตะกอนในลำน้ำ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยร่วมมือกับผู้นำกลุ่มผู้ใช้น้ำ ผู้นำท้องถิ่น และข้าราชการในพื้นที่ มีการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำเพิ่มเติมและพัฒนาชุดปั๊มพลังงานแสงอาทิตย์ต้นแบบสำหรับสูบน้ำจากบ่อตื้น นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้พัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการน้ำในรูปแบบต่างๆ และจัดอบรมเจ้าหน้าที่ชลประทานในการใช้ระบบ iWASAM และการบำรุงรักษาอุปกรณ์อีกด้วย
ในปีที่ 3 ทีมวิจัยได้พัฒนาระบบ iWASAM ให้สามารถแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมได้ โดยติดตั้งสถานีวัดน้ำอัตโนมัติในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเห็นสภาพน้ำหลากจริง โดยระบบเตือนภัยจะส่งข้อมูลเข้าระบบ iWASAM เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสามารถแจ้งเตือนภัยต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาชุดควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำระยะไกลซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของ iWASAM ทำให้เจ้าหน้าที่ชลประทานสามารถใช้ iWASAM ในการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในช่วงภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งสามารถขยายผลไปยังลุ่มน้ำอื่นหรือโครงการชลประทานอื่นๆ ได้ต่อไป
โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบูรณาการเทคโนโลยี การมีส่วนร่วมของชุมชน และการวางแผนอย่างเป็นระบบในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำ ที่ส่งผลช่วยให้สามารถจัดสรรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และเพิ่มความสามารถในการรับมือกับน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก นอกจากนี้ การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ยังช่วยให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป