สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

การวิเคราะห์ความอ่อนแก่ทุเรียนด้วยเทคนิค NIR Transmittance

ทุเรียน “ราชาแห่งผลไม้” เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย สร้างรายได้มหาศาลให้กับเกษตรกรและประเทศ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมทุเรียนไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านคุณภาพ โดยเฉพาะปัญหาการเก็บเกี่ยวผลอ่อน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรสชาติและภาพลักษณ์ของสินค้า แม้จะมีการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรเพื่อควบคุมคุณภาพ แต่วิธีการตรวจสอบปัจจุบันยังมีข้อจำกัด เทคโนโลยี Near Infrared (NIR) จึงเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจสำหรับการวิเคราะห์คุณภาพทุเรียนแบบไม่ทำลายผล แต่ด้วยลักษณะเฉพาะของทุเรียน ทำให้เครื่อง NIR spectrometer ที่มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน การพัฒนาเครื่องวิเคราะห์ความอ่อนแก่ของทุเรียนโดยเฉพาะจึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของทุเรียนไทยในตลาดโลก

ทีมวิจัยได้พัฒนาเครื่องวิเคราะห์คุณภาพทุเรียนผ่านการปรับปรุงหลายรุ่น เริ่มจากรุ่นแรกที่รวมตัวเครื่อง หัววัด หน้าจอแสดงผล และแบตเตอรี่ เข้าไว้ด้วยกัน แต่มีข้อจำกัดด้านขนาดและน้ำหนัก รุ่นที่ 2 ได้รับการปรับปรุงโดยแยกหัววัดออกจากตัวเครื่อง ทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ทั้งทุเรียนบนต้นและหลังเก็บเกี่ยว แต่ยังมีข้อจำกัดด้านขนาดและราคา รุ่นที่ 3 มุ่งเน้นการลดขนาดและราคาลง โดยใช้หัววัดแบบโพรบที่เหมาะสำหรับการวัดผ่านร่องหนามของทุเรียน แต่ยังมีข้อจำกัดในการวัดที่ทำได้เฉพาะจุด ทีมวิจัยจึงริเริ่มที่จะพัฒนาเครื่องวิเคราะห์รุ่นใหม่ที่ใช้หลักการวัดแบบพื้นที่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมบริเวณกว้างขึ้น และมีราคาถูกลงเนื่องจากใช้อุปกรณ์ที่ไม่ซับซ้อน

สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) จึงสนับสนุนทุนวิจัยในโครงการ “การวิเคราะห์ความอ่อนแก่ทุเรียนด้วยเทคนิค NIR Transmittance”เพื่อพัฒนาเครื่องวิเคราะห์ความอ่อนแก่ของทุเรียนรุ่นที่ 3 ให้มีขนาดเล็กลงและราคาถูกลงถึงร้อยละ 50 จากรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยโปรแกรมควบคุมและแสดงผลที่ทันสมัย รวมถึงฐานข้อมูลสมการเทียบมาตรฐานที่ติดตั้งภายในเครื่อง ทำให้สามารถวิเคราะห์ความอ่อนแก่ของทุเรียนได้ทั้งแบบไม่ทำลาย (ผ่านเปลือก) และวัดเนื้อโดยตรง โดยตั้งเป้าความแม่นยำไว้สูงถึงร้อยละ 90-95

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องวิเคราะห์คุณภาพเนื้อทุเรียนแบบวัดเป็นพื้นที่ ซึ่งให้ข้อมูลการดูดกลืนของเนื้อทุเรียนที่ละเอียดและครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น ในราคาที่ประหยัดกว่าเครื่องวิเคราะห์รุ่นที่ 3 พร้อมด้วยฐานข้อมูลสมการเทียบมาตรฐานสำหรับการวิเคราะห์คุณภาพเนื้อทุเรียนโดยเฉพาะ การพัฒนานี้ยังรวมถึงการเปรียบเทียบความแม่นยำระหว่างเครื่องวิเคราะห์ทั้งสองรุ่น เพื่อประเมินประสิทธิภาพและหาแนวทางปรับปรุงต่อไป

ความสำเร็จของการพัฒนาครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมทุเรียนไทย ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดเลือกและควบคุมคุณภาพทุเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรไทยสู่ยุคดิจิทัล เกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยในราคาที่เหมาะสม ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าผลผลิต

นอกจากนี้ การมีเครื่องมือที่แม่นยำและเชื่อถือได้ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลดีต่อการส่งออกทุเรียนไทยในระยะยาว การรับประกันคุณภาพของผลผลิตจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของทุเรียนไทยในตลาดโลก และอาจนำไปสู่การขยายตลาดใหม่ๆ ในอนาคต

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook