โรคติดเชื้อไวรัสในสุกรเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรทั่วโลก การตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็วและแม่นยำในฟาร์มจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมการแพร่ระบาด รักษาสุขภาพสัตว์ และลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน การทำความเข้าใจกลไกการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อไวรัสก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของเซลล์มาโครฟาจ ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีความยืดหยุ่นสูงในการทำงานและสามารถปรับเปลี่ยนหน้าที่ตามสิ่งกระตุ้น การศึกษาที่ผ่านมาพบว่าไวรัสพีอาร์อาร์เอสสายพันธุ์ต่างๆ ส่งผลต่อการตอบสนองของเซลล์มาโครฟาจแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อความรุนแรงของโรค ความรู้เหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เราเข้าใจกลไกการก่อโรคของไวรัสได้ดีขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสในการพัฒนาวิธีการป้องกันและรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตสุกร ส่งเสริมความปลอดภัยของอาหาร และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน
เครดิตภาพ: Saitama Domestic Pigs In Pasture 1 โดย 京浜にけ | Wikimedia Commons | CC BY-SA 3.0
ทีมวิจัยได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) ในโครงการ “การศึกษาศักยภาพของเซลล์มาโครฟาจสุกรที่เหนี่ยวนำจากเซลล์โมโนไซต์เพื่อการวินิจฉัยโรคทางไวรัส การศึกษาด้านวิทยาภูมิคุ้มกัน และการพัฒนาเซลล์เพาะเลี้ยงมาโครฟาจสุกรที่เป็นอมตะ” โดยได้ทดสอบความสามารถของเซลล์มาโครฟาจที่สร้างขึ้นจากเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซต์ของสุกรในการแยกและเพิ่มจำนวนไวรัส PRRS นอกจากนี้ ยังศึกษาผลของสารต้านการอักเสบ โดยเฉพาะยาในกลุ่ม cyclooxygenase-2 inhibitor ต่อการเปลี่ยนแปลงของเซลล์มาโครฟาจเมื่อติดเชื้อไวรัส PRRS ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีการควบคุมหรือลดความรุนแรงของโรคในอนาคต การศึกษานี้ยังรวมถึงการพัฒนาเซลล์เพาะเลี้ยงมาโครฟาจสุกรที่เป็นอมตะ (immortalized porcine MDM) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการวิจัยต่อยอดในอนาคต
ผลงานวิจัยนี้มีคุณูปการอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการควบคุมโรคในสุกร ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ การศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับเซลล์มาโครฟาจและการตอบสนองต่อไวรัส PRRS ได้เพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านไวรัสวิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยา และวางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาวิธีป้องกันและรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาเซลล์เพาะเลี้ยงมาโครฟาจสุกรที่เป็นอมตะยังเปิดโอกาสเพื่อต่อยอดสู่การวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยา ซึ่งมีศักยภาพทั้งในเชิงวิชาการและเชิงพาณิชย์
เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของไทย เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีนานาชาติ และที่สำคัญที่สุด คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสุกร ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ การเพิ่มผลผลิต และการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศในระยะยาว