อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทยกำลังเผชิญวิกฤตที่ท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและความยั่งยืน ความผันผวนของราคาผลผลิตที่ตกต่ำส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมนี้ แม้รัฐบาลจะพยายามแก้ไขด้วยมาตรการระยะสั้น เช่น การส่งเสริมการใช้ปาล์มน้ำมันในเชื้อเพลิงไบโอดีเซลและการซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตไฟฟ้า แต่ยังไม่สามารถสร้างความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยแนวทางที่ครอบคลุมและมีวิสัยทัศน์ระยะยาวการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอลิโอเคมีภัณฑ์จากน้ำมันปาล์ม โดยเฉพาะน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานชีวภาพ เป็นแนวทางที่มีศักยภาพสูงในการแก้ไขปัญหาและยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันของไทย ตลาดน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลกมีขนาดใหญ่ โดยมีอุปสงค์สูงถึง 14.27 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ตลาดภายในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 65,000 ล้านบาท การพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นชีวภาพจากน้ำมันปาล์มไม่เพียงแต่จะช่วยลดการนำเข้าซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 7.6 พันล้านบาทต่อปี แต่ยังเป็นการสร้างตลาดใหม่ให้กับเกษตรกรและขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง น้ำมันหล่อลื่นชีวภาพมีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับน้ำมันหล่อลื่นจากปิโตรเลียม เช่น ความเป็นพิษต่ำ การย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และประสิทธิภาพในการหล่อลื่นที่ดีกว่า
เครดิตภาพ: Oil palm plantation in Cigudeg-03 โดย Achmad Rabin Taim | Wikimedia Commons | CC BY 2.0
อย่างไรก็ตาม การนำน้ำมันพืชมาใช้เป็นสารหล่อลื่นโดยตรงยังมีข้อจำกัด จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงคุณภาพก่อนนำมาใช้ ทั้งการใช้สารเติมแต่งและการปรับปรุงคุณสมบัติด้วยกระบวนการทางเคมี โดยเฉพาะการสังเคราะห์เอสโทไลด์และโพลิออลเอสเตอร์ ซึ่งให้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและเหมาะสมกับการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม การพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกร และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย นอกจากนี้ ความสำเร็จในการพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นชีวภาพยังสอดคล้องกับแนวโน้มโลกในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดโลก และเป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากวัตถุดิบทางการเกษตรอื่นๆ ในอนาคตโครงการวิจัย “การเพิ่มมูลค่าของกรดไขมันปาล์มเป็นโอลิโอเคมีเอสโทไลด์เอสเตอร์ เพื่อใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานชีวภาพ” ที่ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการหล่อลื่นและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย กรดไขมันปาล์มมีข้อได้เปรียบหลายประการเมื่อเทียบกับน้ำมันพืชชนิดอื่น ทั้งในแง่ของต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ความยืดหยุ่นในการปรับปรุงคุณสมบัติ และการไม่กระทบต่อตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค ผลการทดลองเบื้องต้นแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นของเอสโทไลด์ที่สังเคราะห์ได้ ทั้งในด้านเสถียรภาพ จุดไหลเท และดัชนีความหนืด ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการใช้งานที่หลากหลายในภาคอุตสาหกรรม
โครงการนี้มุ่งพัฒนากระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ รวมถึงศึกษาคุณสมบัติ การสร้างมาตรฐานการวิเคราะห์และประเมินความเป็นไปได้ทางเทคนิคและต้นทุน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ในอนาคต การวิจัยนี้ยังมุ่งพัฒนาสูตรน้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น อุณหภูมิสูง แรงกดสูง หรือสภาวะที่ต้องการความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายและความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ในตลาดโลกผลกระทบของโครงการวิจัยนี้ส่งผลดีต่อเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในการสร้างตลาดใหม่และเสถียรภาพด้านราคา รวมถึงประชาชนทั่วไปที่จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรยังช่วยลดการพึ่งพาการส่งออกวัตถุดิบราคาถูก และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายในประเทศความสำเร็จของงานวิจัยนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันของไทย ลดการพึ่งพาการนำเข้า และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ ความสำเร็จของโครงการนี้ยังอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม