เครดิตภาพ: Globe Artichoke – Green Globe โดย Richard Hoare | Wikimedia Commons | CC BY-SA 2.0
สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th
ต้นอาร์ติโชคมีลักษณะที่โดดเด่นและสวยงาม มีลำต้นสูงประมาณ 1.4-2 เมตร ใบมีขนาดใหญ่ยาวได้ถึง 1 เมตร มีสีเขียวเงินวาว ขอบใบหยักลึกเป็นฟันเลื่อย เรียงตัวเป็นพุ่มสวยงามคล้ายกุหลาบ ใบเหล่านี้จะมีอายุเพียงปีเดียวและจะร่วงหลุดทุกปีหลังจากดอกบาน แต่ละต้นจะให้ดอกตูมขนาดใหญ่ประมาณ 3-5 ดอก ซึ่งถ้าปล่อยให้บานจะเห็นดอกย่อยสีม่วงสวยงามจำนวนมาก ดึงดูดผึ้งและผีเสื้อให้มาตอมดอก ทำให้สวนมีชีวิตชีวามากขึ้น
อาร์ติโชค เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีคุณภาพดี ระบายน้ำได้ดี และมีความอุดมสมบูรณ์สูง ต้องให้น้ำสม่ำเสมอ ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป และต้องเติมปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะไนโตรเจนและโพแทสเซียม เมื่อต้นพืชมีอายุประมาณ 4-8 ปี คุณภาพของดอกจะเริ่มลดลง กลุ่มใบที่เรียงตัวกันจะเริ่มแน่นขึ้น ทำให้ดอกมีขนาดเล็กลง เกษตรกรจึงต้องปลูกต้นใหม่โดยการแยกหน่อที่แตกรากแล้ว
อาร์ติโชคมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งวิตามินซี วิตามินเค โฟเลต และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม และแคลเซียม นอกจากนี้ยังมีใยอาหารสูง ช่วยในการย่อยอาหารและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สารต้านอนุมูลอิสระในอาร์ติโชคช่วยต่อต้านการอักเสบและชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย มีการศึกษาพบว่าสารสกัดจากใบอาร์ติโชคมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงตับและลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้
การเก็บเกี่ยวควรเก็บเกี่ยวในตอนเช้าตรู่ขณะที่อากาศยังเย็น โดยตัดก้านดอกให้เหลือติดกับหัวประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร อาร์ติโชคที่เก็บเกี่ยวแล้วสามารถเก็บรักษาได้นานถึงสองสัปดาห์ในตู้เย็น โดยควรห่อด้วยถุงพลาสติกที่เจาะรูระบายอากาศ การเลือกซื้อควรเลือกดอกที่มีกลีบแน่น สีสดใส น้ำหนักดี และไม่มีรอยช้ำหรือดำ ดอกขนาดเล็กถึงกลางมักจะมีรสชาติดี
นอกจากการนำมารับประทานแล้ว อาร์ติโชคยังเป็นไม้ประดับที่สวยงาม ด้วยใบใหญ่สีเขียวเงินและดอกสีม่วงขนาดใหญ่ จึงมีผู้นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในสวนดอกไม้ล้มลุก เหมาะสำหรับจัดสวนแบบเมดิเตอร์เรเนียนหรือสวนครัวสวยๆ ที่ผสมผสานความสวยงามเข้ากับประโยชน์ใช้สอย นับเป็นพืชที่มีคุณค่าทั้งด้านอาหาร สุขภาพ และความงามที่น่าสนในไม่น้อยเลยทีเดียว