เครดิตภาพ: Heliconia Chartacea โดย Daniel Ramirez | Wikimedia Commons | CC BY 2.0
สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th
ช่อดอกของเฮลิโคเนียเป็นส่วนที่โดดเด่นที่สุดและเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พืชชนิดนี้ได้รับความนิยมในการปลูกเป็นไม้ประดับ ช่อดอกประกอบด้วยใบประดับเนื้อแข็งที่มีสีสันสดใสเรียงตัวในระนาบเดียวกัน อาจมีลักษณะตั้งขึ้นหรือห้อยลงแล้วแต่สายพันธุ์ ภายในใบประดับมีดอกแท้ขนาดเล็กซ่อนอยู่ ซึ่งอาจมีสีแดง ส้ม เหลือง หรือเขียว การผสมผสานของสีสันระหว่างใบประดับและดอกสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น รูปทรงที่คล้ายก้ามกุ้งหรือจะงอยปากนกทูแคนทำให้มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น lobster-claws, toucan beak หรือ false bird-of-paradise
ความสัมพันธ์ระหว่างต้นเฮลิโคเนียกับสิ่งมีชีวิตอื่นในระบบนิเวศเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการผสมเกสรที่พึ่งพานกฮัมมิ่งเบิร์ดเป็นหลัก มีการผลิตน้ำหวานในปริมาณมากเพื่อดึงดูดนกผู้ผสมเกสร เมื่อดอกได้รับการผสมเกสรแล้วจะพัฒนาเป็นผลสีน้ำเงินม่วงเมื่อสุก ซึ่งจะถูกกินและแพร่กระจายโดยนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่อไป
การปลูกต้นเฮลิโคเนียให้เจริญเติบโตดีนั้นต้องใส่ใจในหลายปัจจัย เนื่องจากเป็นพืชที่มีความต้องการเฉพาะตัวสูง ต้องการน้ำในปริมาณมากและสม่ำเสมอ ต้องการแสงแดดที่เพียงพอแต่ไม่จัดเกินไป และดินที่อุดมด้วยอินทรียวัตถุ แม้จะทนต่อสภาพน้ำท่วมขังได้บ้าง แต่ไม่ทนต่อความแห้งแล้งและสภาพอากาศเย็น การดูแลที่เหมาะสมจะทำให้เฮลิโคเนียเจริญเติบโตและแตกกอใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง สร้างความสวยงามให้กับสวนตลอดทั้งปี
ในปัจจุบัน เฮลิโคเนียหลายสายพันธุ์ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์เพื่อการค้าและการจัดสวน โดยเฉพาะสายพันธุ์ H. psittacorum ที่มีลักษณะเด่นพิเศษด้วยดอกสีเหลืองอมเขียวพร้อมจุดดำและใบประดับสีแดงสดใส นอกจากนี้ยังมีการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อสร้างลูกผสมที่มีคุณสมบัติดีเด่นทั้งด้านความสวยงามและความทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ
เฮลิโคเนีย สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลในระบบนิเวศ ความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างเฮลิโคเนียกับนกฮัมมิ่งเบิร์ดและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็นตัวอย่างที่ดีของการพึ่งพาอาศัยกันในธรรมชาติ การศึกษาและทำความเข้าใจพืชชนิดนี้ นอกจากจะช่วยในการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์ ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงความมหัศจรรย์และความซับซ้อนของระบบนิเวศในป่าเขตร้อนได้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่เราจะได้ชื่นชมความงามของพืชมหัศจรรย์ชนิดนี้ไปอีกนานแสนนาน พร้อมกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่สืบไป