สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

เจาะลึก อุบัติการณ์ semicarbazide ยกระดับมาตรฐานการผลิตและการส่งออกกุ้งไทยสู่ตลาดโลก

ผลผลิตกุ้งก้ามกรามเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย โดยในปี 2564 มีผลผลิตรวมกว่า 32,120 ตัน มูลค่ากว่า 7,199.3 ล้านบาท ซึ่งมีการส่งออกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การส่งออกกุ้งก้ามกรามไทยประสบปัญหาสำคัญในการเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรป เนื่องจากปัญหาการตรวจพบสารตกค้างในเนื้อกุ้ง โดยเฉพาะการตรวจพบสาร semicarbazide (SEM) ซึ่งเป็นสารที่มีความเป็นพิษสูงในระดับที่เกินมาตรฐานการส่งออก

ประเด็นการตรวจพบสาร SEM ถือเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทยอย่างมาก แม้ว่าการตรวจพบสาร SEM จะไม่ได้เกิดจากการใช้ยา nitrofurazone (NFZ) เพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังทำให้การส่งออกกุ้งไทยต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้ราคากุ้งในประเทศตกต่ำลงอย่างมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการทบทวนและพัฒนาวิธีการตรวจสอบให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมถึงการพิจารณาทบทวนกฎระเบียบการตรวจสอบสำหรับสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ในอนาคต เพื่อป้องกันผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งของประเทศ

เครดิตภาพ: Washington DC Zoo – Macrobrachium rosenbergii 1 โดย Jarek Tuszyński | Wikimedia Commons | CC BY-SA 3.0

การค้นพบว่าสาร SEM อาจเกิดขึ้นได้จากแหล่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา NFZ เป็นประเด็นสำคัญที่สะท้อนให้เห็นความซับซ้อนของปัญหา และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการตรวจสอบของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะในกรณีของกุ้งเครย์ฟิช ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์และความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยอาหารให้มีความเหมาะสม การศึกษาและพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาการตกค้างของสารเคมีในผลิตภัณฑ์กุ้งของไทยจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตและการส่งออกกุ้งไทยสู่ตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

การศึกษาวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการส่งออกกุ้งก้ามกรามของไทยที่ประสบปัญหาการตรวจพบสารเซมิคาร์บาไซด์ (SEM) ซึ่งเป็นสารบ่งชี้การใช้ยาไนโตรฟูราโซน (NFZ) โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) ในโครงการ “การศึกษาอุบัติการณ์ของ semicarbazide (SEM) ในกุ้งก้ามกราม และสัตว์กลุ่มครัสเตเชียนในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย” โดยทีมวิจัยได้ทำการศึกษาแบบบูรณาการใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การศึกษาในห้องปฏิบัติการ การศึกษาในฟาร์มเลี้ยงที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ และการศึกษาในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อทำความเข้าใจถึงที่มาและการสะสมของสาร SEM ในกุ้งก้ามกราม การดำเนินงานวิจัยครอบคลุมการเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์อย่างละเอียด ทั้งตัวกุ้ง ปัจจัยการผลิต น้ำ และดินตะกอน รวมถึงการสุ่มเก็บตัวอย่างสัตว์จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อพิสูจน์สมมติฐานเกี่ยวกับการสร้างสาร SEM ตามธรรมชาติในสัตว์กลุ่มครัสเตเชียน ผลการศึกษานี้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการทบทวนและปรับปรุงกฎเกณฑ์การตรวจสอบ SEM ในผลิตภัณฑ์กุ้งก้ามกรามของไทย สอดคล้องกับมาตรฐานประเทศผู้นำเข้า เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกในระยะยาว งานวิจัยนี้ได้รับความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำชั้นนำของไทย เช่น สมาคมผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ชมรมผู้ผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำ และบริษัทมารีนโกลด์โปรดักส์ โดยทางฟาร์มได้สนับสนุนการวิจัยด้วยพื้นที่บ่อเลี้ยงกุ้งมาตรฐานจำนวน 8 บ่อ คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.6 ล้านบาท ผลการศึกษาจะเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับภาครัฐในการกำหนดนโยบาย เพื่อแก้ไขอุปสรรคด้านการส่งออกกุ้งก้ามกรามของไทยในระยะเริ่มต้นอาจถึง 2,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท และมีศักยภาพที่จะขยายการส่งออกไปถึง 10,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาทในอนาคต

ผลสำเร็จของงานวิจัยนี้ถือเป็นฐานข้อมูลสำคัญให้กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ในการปรับปรุงนโยบายตรวจสอบสาร SEM เพื่อสนับสนุนการส่งออกกุ้งก้ามกรามของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถป้องกันปัญหาการตรวจพบสารตกค้างที่อาจมีผลต่อการส่งออกสินค้ากุ้งของไทย นอกจากนี้ ผลการศึกษายังเป็นประโยชน์ต่อสมาคมผู้เลี้ยงสัตว์น้ำและเกษตรกรทั่วไปในการปรับปรุงการผลิตกุ้งก้ามกรามที่ปลอดจากสารตกค้างอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook