สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

หอยเป๋าฮื้อ หอยทะเลราคาดี

หอยเป๋าฮื้อ เป็นหอยทะเลน้ำเค็มที่อยู่มักดำรงชีวิตอยู่ตามแนวปะการังและซอกหิน เป็นหอยที่มีขนาดใหญ่ มีเนื้อแน่น ยิ่งนำมาปรุงรสอาหารสดๆ ก็ยิ่งได้รสชาติดี เพราะเนื้อหวานนุ่มจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดได้อย่างลงตัว หอยเป๋าฮื้อจึงกลายเป็นอาหารยอดนิยมตามภัตตาคารและร้านอาหารซีฟู้ดต่าง ๆ ทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติทั้งญี่ปุ่น จีน รวมทั้งชาติตะวันตกกันเป็นจำนวนมาก แต่เดิมนั้นมีการจับหอยเป๋าฮื้อในน่านน้ำทะเลกันไม่มากนัก ทำให้หอยเป๋าฮื้อยังสามารถขยายพันธุ์ได้ทันฤดูกาล แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีผู้บริโภคให้ความสนใจนำหอยเป๋าฮื้อมาขายสร้างรายได้และนำมาบริโภคในร้านอาหารมากยิ่งขึ้น ทำให้จำนวนหอยลดลงจนไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จนในที่สุดได้มีเพื่อนๆ เกษตรกรบางรายหันมาเพาะพันธุ์เลี้ยงหอยเป๋าฮื้อเพื่อส่งขายให้แก่ตลาดกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถสร้างรายได้ได้อย่างงาม เพราะหอยเป๋าฮื้อสามารถขายได้ราคาสูง แม้จะใช้เวลาเพาะเลี้ยงนานกว่าหอยชนิดอื่น แต่ก็สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

การเพาะเลี้ยงพันธุ์หอยเป๋าฮื้อนั้น เริ่มแรก คือการเตรียมสถานที่ที่จะเพาะเลี้ยงหอย โดยจะต้องเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้ทะเลเพราะจะต้องมีการสูบน้ำให้ไหลหมุนเวียนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังควรเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างจากโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหายได้ ยิ่งอยู่ใกล้ตลาดซื้อขายสัตว์น้ำด้วยก็ยิ่งดี เพราะจะทำให้การขนย้าย แลกเปลี่ยนซื้อขายนั้นทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เมื่อได้สถานที่แล้วก็ให้เตรียมบ่อปูนซีเมนต์สำหรับเลี้ยงพันธุ์หอย และควรใส่กระเบื้องมุมโค้ง หรือ หินที่สะอาดไว้ในบ่อ เพื่อใช้เป็นที่หลบซ่อนของตัวหอยเป๋าฮื้อ

จากนั้นควรสูบน้ำเข้าบ่อ โดยมีเครื่องกรองทรายติดตั้งไว้ด้วย เพื่อป้องกันศัตรูของหอยเป๋าฮื้อไม่ให้หลุดรอดมาได้ และระดับน้ำในบ่อควรสูงไม่เกิน 1.5 เมตร จากนั้นใช้ชาแลนหรือตาข่ายพรางแสงปิดด้านบนไว้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เหมาะกับเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยเป๋าฮื้อมากที่สุด หากฝนตกก็ให้ปิดปากบ่อด้วยกระเบื้องใส และควรติดตั้งท่อระบบน้ำ ให้น้ำไหลผ่านประมาณ 5-10 ลิตรต่อนาที เมื่อเตรียมบ่อเรียบร้อยแล้วก็สามารถหาพันธุ์หอยเป๋าฮื้อมาเลี้ยงลงในบ่อได้ โดยหอยเป๋าฮื้อพันธุ์ที่มีเนื้อแน่นและนิยมเลี้ยงกัน คือ ฮาลิโอทิส แอซินิน่า ซึ่งเป็นหอยเป๋าฮื้อที่สามารถเพาะพันธุ์ขายได้ราคาดี ส่วนอาหารที่ให้แก่หอยก็มีทั้งสาหร่ายผมนางและอาหารสำเร็จรูป ซึ่งควรให้อาหารทุกวัน โดยให้สาหร่ายประมาณไม่เกินร้อยละ  20 ของน้ำหนักหอย และอาหารสำเร็จรูปประมาณไม่เกินร้อยละ 3 ของน้ำหนักหอยเช่นกัน  และควรหมั่นถ่ายน้ำทิ้ง เพื่อจัดการปริมาณน้ำในบ่อให้ดีอยู่เสมอ ป้องกันไม่ให้เกิดน้ำเน่าเสียซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตของเราได้ ใช้เวลาเพาะเลี้ยงประมาณ 3-4 ปี ก็สามารถเก็บผลผลิตไปขายได้

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook