สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

การพัฒนาอุปกรณ์รมก๊าซโอโซนเพื่อยกระดับความปลอดภัยของทุเรียนตัดแต่งพร้อมบริโภคส่งออก

ทุเรียนเป็นผลไม้เขตร้อนที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยประเทศไทยครองตำแหน่งผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ตามมาด้วยมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ปริมาณการผลิตทุเรียนของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2561-2563 เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดฮ่องกง จีน และไต้หวัน พันธุ์หมอนทองเป็นที่นิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การส่งออกทุเรียนผลสดประสบปัญหาหลายประการ เช่น ความไม่สม่ำเสมอของระดับความสุก ความเสียหายระหว่างขนส่ง และปัญหาจากโรคและแมลงหลังการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาส่งออกเนื้อทุเรียนตัดแต่งพร้อมบริโภคมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย

นอกจากนี้ เนื้อทุเรียนยังมีความทนทานต่ออาการสะท้านหนาวและสามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำได้นาน อย่างไรก็ตาม การปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ในระหว่างการเตรียมผลผลิตเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องใส่ใจ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและอายุการเก็บรักษา แม้ว่าปัจจุบันผู้ประกอบการส่งออกเนื้อทุเรียนของไทยส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญกับปัญหานี้ แต่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาและพัฒนาวิธีการควบคุมการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ในเนื้อทุเรียนพร้อมบริโภค โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารให้เหนือกว่าคู่แข่งและรักษาตำแหน่งทางการตลาดในระยะยาว

เครดิตรูปภาพ: Golden yellow durian flesh. Seasonal fruit. Thai fruit concept โดย jcomp | Freepik

ในปี 2564 คณะผู้วิจัยได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพและปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนในทุเรียนตัดแต่งพร้อมบริโภค ผลการวิจัยพบว่าการรมด้วยก๊าซโอโซนที่ความเข้มข้น 900 ppm เป็นเวลา 3 นาที เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อน โดยสามารถลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียทั้งหมดให้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนด นอกจากนี้ยังช่วยชะลอการอ่อนนิ่มของเนื้อทุเรียน เพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ และลดอัตราการหายใจและการผลิตเอทิลีน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพด้านอื่นๆ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้เป็นเพียงการศึกษาในระดับห้องปฏิบัติการ ซึ่งยังไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในระดับอุตสาหกรรมที่ต้องจัดการกับปริมาณเนื้อทุเรียนมากกว่า 500 กิโลกรัมต่อครั้งได้ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาวิธีการที่มีประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานในระดับโรงงาน โดยคำนึงถึงความสดของสินค้าและความรวดเร็วในการขนส่งด้วย

สวก. จึงสนับสนุนทุนวิจัยในโครงการ “การควบคุมคุณภาพและปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนในทุเรียนตัดแต่งพร้อมบริโภคระดับอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก (ต่อยอดปีที่ 2)” เพื่อพัฒนาต่อยอดงานวิจัยเดิมสู่การใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ โดยมุ่งเน้นการสร้างชุดอุปกรณ์รมก๊าซโอโซนสำหรับเนื้อทุเรียนตัดแต่งพร้อมบริโภคในระดับอุตสาหกรรม ที่สามารถรมได้ครั้งละไม่น้อยกว่า 60 กล่อง หรือ 30 กิโลกรัม ผู้วิจัยได้ออกแบบและสร้างชุดอุปกรณ์ต้นแบบ 2 รูปแบบ ได้แก่ ตู้รมก๊าซโอโซนชนิดถาดที่ควบคุมความเข้มข้น ระยะเวลา และการไหลเวียนของก๊าซได้ และเครื่องฉีดก๊าซโอโซนแบบกึ่งอัตโนมัติสำหรับฉีดเข้ากล่องบรรจุเนื้อทุเรียนที่ปิดผนึกแล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน

ผลสำเร็จของโครงการวิจัยนับเป็นการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยของสินค้าไทย สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาด อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนต่อไป

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook