มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย โดยครองอันดับสามรองจากยางพาราและข้าว ด้วยพื้นที่เพาะปลูกกว่า 9 ล้านไร่และผลผลิตที่สูงถึง 28 ล้านตันต่อปี ทำให้ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลก สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศจากการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปถึงร้อยละ 75 ของผลผลิตทั้งหมด โดยประเทศไทยยังมีการนำมันสำปะหลังมาแปรสภาพเป็นมันเส้นสะอาดใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมการหมักต่างๆ อย่างไรก็ตามพบปัญหาด้านคุณภาพและมาตรฐานการผลิตกลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะการปนเปื้อนของสิ่งแปลกปลอมในผลิตภัณฑ์มันเส้น เช่น ทราย ดิน เหง้าผสม ในอัตราสูง และเกิดปัญหาฝุ่นผงจํานวนมากฟุ้งกระจายในขณะขนถ่ายสินค้า ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อการส่งออกและการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง การยกระดับคุณภาพการผลิตมันเส้นสะอาด โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลัก จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่า รายได้ และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนเปิดโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งในด้านอาหาร อุตสาหกรรม และพลังงานทดแทน
การแก้ไขปัญหาและพัฒนาอุตสาหกรรมมันสำปะหลังอย่างยั่งยืนจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำของไทยในตลาดโลกและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรไทยในระยะยาว การส่งเสริมนวัตกรรมในกระบวนการผลิต การวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงและทนทานต่อโรค ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยสู่ความยั่งยืนในอนาคต
การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตมันเส้นสะอาดคุณภาพสูงโดยบริษัท เกษตรอินเตอร์ 42 จำกัด ประกอบด้วยระบบการผลิตครบวงจรที่ทันสมัย เริ่มตั้งแต่เครื่องต้นแบบสำหรับหั่นเต๋ามันสำปะหลัง ระบบแยกสิ่งสกปรกอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หิน ดิน กรวด และทราย เครื่องแยกขนาดชิ้นมันสำปะหลังที่แม่นยำ ไปจนถึงเครื่องอบแห้งแบบเมล็ดไหลคลุกเคล้าขนาดใหญ่ที่มีถังบรรจุถึง 5 ตันมันสด และระบบเตาเผาแกลบแบบไซโคลนิคที่ทันสมัย ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อกันด้วยระบบสายพานลำเลียงที่มีประสิทธิภาพสูง การทดสอบในสภาพการใช้งานจริงที่ลานมันในอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นในการลดความชื้นของชิ้นมันสำปะหลังได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การพัฒนาระบบการผลิตที่ใช้ความร้อนร่วมจากความร้อนเหลือทิ้งและไบโอแก๊ส โดยความร่วมมือกับบริษัท ทีวายทีเอส (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการนำความร้อนเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าด้วย
ไบโอแก๊สมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) ตระหนักถึงการวิจัยและพัฒนาที่เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทย ท่ามกลางความท้าทายของตลาดโลกและความต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และการผลิตเอทานอล จึงสนับสนุนทุนวิจัยในโครงการดังกล่าว
ผลสำเร็จของงานวิจัยนี้ทำให้สามารถผลิตมันเส้นสะอาดได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ไม่จำกัดเฉพาะฤดูกาล ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงด้านราคาผลผลิตทางการเกษตร และลดความผันผวนของตลาด นอกจากนี้ ยังช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก นอกจากนี้ นวัตกรรมนี้ยังตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยช่วยลดผลกระทบทั้งในด้านฝุ่น กลิ่น และเสียง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม การพัฒนาเทคโนโลยีนี้จึงสอดคล้องอย่างยิ่งกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืน และการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด