สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

ลูกเนียง ทานอร่อยสร้างรายได้

หากพูดถึงลูกเนียงแล้วหลาย ๆ คนก็คงจะต้องนึกถึงภาคใต้ของไทยเรา เพราะลูกเนียงนั้นมักจะขึ้นในเขตร้อนชื้น แถบตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทยด้วย ทั้งยังมีในประเทศเพื่อนบ้านทั้งพม่า มาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย โดยในประเทศไทยโดยเฉพาะทางใต้มักจะใช้ลูกเนียงในการเป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร ไม่ว่าจะใช้ปรุงรสให้อร่อยกล่อมกลมขึ้น หรือใช้รับประทานเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริก แกงส้ม แกงมะเขือ แกงพริก หรือผัดเผ็ด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะรับประทานกับอาหารรสจัด แต่ไม่เพียงใช้รับประทานคู่กับอาหารพื้นบ้านเท่านั้น ยังสามารถนำลูกเนียงมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานลูกเนียงกับมะพร้าวขูดขาวและจิ้มเกลือกับน้ำตาล ก็เป็นของหวานที่มีรสชาติอร่อยไปอีกแบบ

ลูกเนียงยังมีประโยชน์มากมายเทียบเท่ากับสมุนไพรบางชนิดเลยก็ว่าได้ โดยในลูกเนียงนั้นประกอบไปด้วย โปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างซ่อมแซมกล้ามเนื้อได้ และวิตามินบี3 ที่ช่วยในการบำรุงผิวให้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังมีแคลเซียมและธาตุเหล็กที่บำรุงกระดูกและฟัน รวมถึงวิตามินซีอีกด้วย ส่วนของเปลือกหุ้มเมล็ด สามารถใช้รักษาโรคเบาหวาน และใบช่วยรักษาโรคผิวหนัง แต่ก็ไม่ควรจะรับประทานในจำนวนที่มากเกินไปครับ เพราะลูกเนียงไม่เพียงแต่จะให้ประโยชน์เท่านั้นหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดโทษตามมาได้ เพราะในลูกเนียงมีกรดตัวหนึ่งที่ชื่อเจคโคลิกอยู่ทำให้ส่งผลกระทบต่อไตได้  หากรับประทานก็ควรจะอยู่ในปริมาณที่พอดีครับ

ในปัจจุบันมีการเพาะปลูกลูกเนียงมากขึ้นโดยเฉพาะทางภาคใต้จนเป็นผักที่อยู่คู่กับภาคใต้มาจนถึงปัจจุบันครับ ต้นลูกเนียงนั้นจะมีลักษณะเป็นไม้พุ่มไม่สูงมากเป็นพืชตระกูลเดียวกับถั่วใบมีลักษณะคล้ายขนนกปกคลุมอยู่ทั่วทั้งต้น ลำต้นมีสีเทาอมน้ำตาล มีดอกสีขาวอยู่รวมกันเป็นช่อ ผลลูกเนียงจะมีลักษณะเป็นฝักและขึ้นเป็นเกลียวโดยฝักดิบหรืออ่อนนั้นจะมีสีเขียวส่วนฝักแก่จะมีสีน้ำตาล โดยลูกเนียงนั้นยังมีหลากหลายพันธุ์อีกด้วยครับ เพื่อนๆ เกษตรกรมักจะเลือกพันธุ์ที่หาได้ง่ายในพื้นที่มาเพาะปลูกครับ

ลูกเนียงนั้นสามารถปลูกได้ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดโดยเริ่มจากการนำดินร่วนหรือดินร่วนผสมดินทรายก็ได้ มาใส่ลงในถุงเพาะลูกเนียง ก่อนจะนำเมล็ดใส่เข้าไปในถุงโดยใช้เมล็ดประมาณ 4-5 เมล็ดต่อหนึ่งถุง จากนั้นก็รอให้เมล็ดโตงอกกิ่งก้านและนำไปปลูกลงแปลงต่อได้ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เพียงแค่รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นเมื่อย้ายลงแปลงปลูกจะต้องเตรียมดินให้พร้อม และปลูกลงแปลงให้มีระยะห่างระหว่างแถวและระหว่างต้นอย่างพอเหมาะ เพียงเท่านี้ก็สามารถรอเก็บผลผลิตได้เลยครับ

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook