สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

เทคนิคเกษตรแม่นยำ

เกษตรแม่นยำเป็นเทคนิคการทำการเกษตรที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เนื่องจากเป็นวิธีแก้ปัญหาความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุดที่ภาคการเกษตรกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรต่างๆ มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเราอย่างมาก ในขณะที่ปัจจุบันพบว่ามีความท้าทายต่อการทำเกษตรกรรมเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ทำกิน การขาดแคลนน้ำ สภาพดิน สภาพภูมิอากาศไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก จากข้อมูลของธนาคารโลกระบุว่าประเทศไทยได้สูญเสียที่ดินทำกินไป 40% ให้กับการขยายตัวของเมือง ในขณะที่ที่ดินสำหรับการทำการเกษตรมักมีคุณภาพต่ำ มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและมีระดับความเป็นกรดสูง นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนน้ำยังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย โดยหลายภูมิภาคประสบปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง

การเกษตรแบบแม่นยำสามารถช่วยให้เกษตรกรเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ได้ การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น น้ำและปุ๋ย ด้วยการเกษตรแบบแม่นยำ เช่น เกษตรกรสามารถใช้เซ็นเซอร์และเครื่องมืออื่นๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลความชื้นในดิน ระดับสารอาหาร และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชผล ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์และกำหนดปริมาณน้ำและสารอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนำไปใช้กับพืชผล ลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิตได้ดี และยังเพิ่มผลผลิตได้ดีอีกด้วย

นอกจากนี้ การเกษตรแบบแม่นยำยังช่วยเกษตรกรลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยการลดการใช้สารเคมีและปุ๋ย ด้วยการใช้เซ็นเซอร์และเครื่องมือต่างๆ ติดตามการเจริญเติบโตของพืช เพื่อป้องกันหรือตรวจตราโรคพืชได้ก่อนที่จะลุกลาม ทำให้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที สามารถลดปริมาณการใช้สารเคมีกับต้นพืช ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนของดินและแหล่งน้ำ

หนึ่งในแนวโน้มสำคัญของการเกษตรแม่นยำในประเทศไทย  คือ การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence : AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine learning : ML) มาใช้เพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้มีความสำคัญมากขึ้นในภาคการเกษตร เนื่องจากสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและให้ข้อมูลเชิงลึกที่เกษตรกรสามารถใช้ในการตัดสินใจได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลสภาพอากาศเพื่อทำนายผลผลิตพืชผล ขณะที่ ML สามารถวิเคราะห์ข้อมูลดินเพื่อกำหนดประเภทพืชที่เหมาะต่อการปลูกในแต่ละพื้นที่ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของดิน ปริมาณสารอาหาร และระดับความชื้น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดียิ่งขึ้น โดยลดค่าใช้จ่ายด้านปัจจัยการผลิตลงได้

แนวโน้มอีกประการหนึ่งของการเกษตรแบบแม่นยำในประเทศไทยคือการใช้โดรนเพื่อติดตามและจัดการพืชผลที่เพิ่มมากขึ้น โดรนสามารถติดตั้งเซ็นเซอร์และกล้องที่ที่มีความละเอียดสูงเพื่อจับภาพพืชผลในแปลงปลูกขนาดใหญ่ ช่วยให้เกษตรกรสามารถระบุพื้นที่ที่เกิดปัญหาหรือโรคได้ นอกจากนี้โดรนยังสามารถใช้ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงและปุ๋ยได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ลดปริมาณการใช้สารเคมีและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ในประเทศไทยเรามีเกษตรกรหลายรายหันมาใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำมากขึ้น เช่น โดรนและภาพถ่ายดาวเทียมในการตรวจสอบพืชผล ตัวอย่างเช่น การศึกษาขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พบว่าชาวนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการตรวจสอบพืชผล ทำให้สามารถระบุพื้นที่ที่มีการเจริญเติบโตไม่ดีและปรับแผนในการเพาะปลูกได้อย่างเมาะสม การศึกษาเดียวกันยังพบว่าเกษตรกรบางรายใช้โดรนเพื่อสำรวจผลผลิตในแปลงปลูก ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายจากที่เคยใช้แรงงานคนสำรวจ

กล่าวโดยสรุป การเกษตรแบบแม่นยำกำลังกลายเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากขึ้นในภาคการเกษตรของประเทศไทย เนื่องจากเกษตรกรมองหาวิธีปรับปรุงประสิทธิภาพ ผลผลิต และความยั่งยืน ด้วยการเกษตรแบบแม่นยำ เกษตรกรสามารถใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มผลผลิตของพืชผล

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook